เขาพระแทว

เขาพระแทว
ลั๊ลล๊าถ่ายทำสารคดีกันค้าฟ

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553

ตัวอย่างหนัง อยากได้ยินว่ารักกัน


"คนบางคนเกิดมาดีพร้อมทุกอย่าง"

คนบางคนเกิดมาเพื่อให้หลายคนหลงรัก

แต่คนที่ดีพร้อม ก็ยังไม่เจอ


โรคจูบ



หลายคนไม่เคยทราบมาก่อนว่า

การ จูบกันจะมีโรคตามาด้วยโดยเฉพาะจูบปาก เพื่อแสดงความรักระหว่างผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่ ระหว่างหนุ่มสาว เป็นต้น เป็นวัฒนธรรมของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะฝรั่งใช้การจูบปากกันหลายโอกาสไม่เพียงแต่แสดงความรักเท่านั้น เช่น ในโอกาสดีใจ ฉลองชัยชนะ ฉลองความสำเร็จ ในโอกาสปลอบขวัญ ให้กำลังใจ เป็นต้น


โรคจูบ เป็นโรคติดต่อทุกเพศทุกวัย ในประเทศสหรัฐอเมริกา
มีชื่อเรียกว่า MONO

การติดต่อ ติดต่อโดยการจูบปากกันแล้วได้รับเชื้อไวรัสเป็นการติดต่อระหว่างคนสู่คน

สาเหตุของโรค เกิดจากเชื้อไวรัสในน้ำลาย ชื่อ โมโนคลีโอสิส (MONOCLEOSIS)

กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ นักเรียน นักศึกษา พบมากที่สุด และสามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย

อาการและการแสดง เมื่อได้รับเชื้อไวรัสโมโนคลีโอสิสเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำให้เกิดอาการไข้ หนาวสั่น เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองบวม ปวดศรีษะตัวร้อน อาการคล้ายโรคหวัด แต่อาการสำคัญที่ทำให้นึกถึงโรคจูบ คือ อาการอ่อนเพลีย จะมีอาการอ่อนเพลียยาวนานมาก อ่อนเพลียอยู่หลายเดือนติดต่อกัน บางรายติดเชื้อแล้วไม่แสดงอาการ ก็จะกลาย
เป็นตัวแพร่เชื้อ

การป้องกันรักษา

- หลีกเลี่ยงการจูบปาก
- หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- พักผ่อนหลับนอนให้พอเพียง
- ไม่นอนดึก
- เลิกสูบบุหรี่
- เลิกดื่มสุรา
- ถ้ามีอาการอ่อนเพลียยาวนาน หรือสงสัยว่าจะเป็นโรคจูบ ควรปรึกษาแพทย์

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

พื้นฐานของความรัก

ความรักสำหรับผม คือคน 2 คน ที่เดินทางมาเจอกัน จากคนละเส้นทาง แล้วหวังที่จะร่วมเดินทางในเส้นทางเดียวกัน เคียงข้างกันไป ทุกข์และสุขร่วมกันไป


แต่ทางเส้นที่ว่า มันไม่ได้เรียบราบ กว้างใหญ่ และโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป

บางครั้งเจอหลุม บางครั้งเจอเนิน ที่ต้องฉุดกระชาก ลากกันไป

บางครั้งเจอขวากหนาม ที่คอยเกี่ยว ทิ่มแทง ให้ต้องบาดเจ็บ ที่ต่างฝ่ายต่างต้องดูแล ต้องช่วยกันรักษาไป

แต่ความรัก คงเดินต่อไม่ได้ หากไม่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน!?

เมื่อเจอเนิน ต่างฝ่ายต่างไม่เชื่อว่าคู่ของตน จะช่วยดึง ช่วยดันให้ตนข้ามพ้นไปได้ ย่อมเสียเวลา หรืออาจต้องหยุดลง เปลี่ยนเส้นทางกันใหม่

เมื่อเจอขวากหนาม เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่เชื่อใจกัน คงแขยงที่จะพาตัวฝ่าไปเพียงลำพัง หากเจ็บ คงเจ็บลำพัง

แล้วความไว้วางใจซึ่งกันและกัน จะเกิดได้จากอะไร?

สำหรับคนสองคนที่เดินมาจากคนละเส้นทาง ปุ๊บปั๊บจะให้ต่างฝ่ายเชื่อใจกัน คงยาก

เวลาเท่านั้น ทีจะทำให้ทั้งสองไว้ใจซึ่งกันและกันได้

เวลาสำหรับการดูแลกันและกัน

เวลาสำหรับกำลังใจที่มีให้กัน

เวลาสำหรับ การไม่โกหกซึ่งกันและกัน ........

หากในเส้นทางที่เดินร่วมกันไป ต่างฝ่ายต่างไม่ดูแลกัน ต่างฝ่ายต่างไม่มีกำลังใจให้กัน ต่างฝ่ายต่างโกหกกัน

ความรักคงจบ ไม่สามารถร่วมเดินทางเดียวกัน

การดูแล การให้กำลังใจ ในบางครั้ง เป็นส่วนเสริม ให้ทั้งคู่มีแรงที่จะก้าวเดินต่อไป แม้ไม่ต้องทำตลอด เพียงแค่ในบางจังหวะและเวลา ก็เป็นแรงขับเคลื่อนให้เดินไปบนทางนั้นได้อย่างดี

ตรงข้ามกับการโกหก แม้ต่างฝ่ายจะยึดมั่น ไม่โกหกกันมาแม้สักครั้ง ในช่วงเวลาตลอดสิบปียี่สิบที่รักกันมา

สิ่งที่สร้างมานั้นก็สลายไปได้ เพียงแค่คำโกหกเพียงครั้งเดียว!?

เมื่อมีการโกหก ก็จะมีความระแวง ความไม่เชื่อใจเกิดขึ้นทันที แม้ที่ผ่านมา ทั้งคู่จะไม่เคยโกหกกันเลยสักครั้งก็ตามที

ไม่เชื่อใจ ในเส้นทางที่เดินร่วมกัน

ระแวง ทุกหัวเลี้ยวที่เดินผ่านมา...

เมื่อไม่เชื่อใจ เมื่อระแวงกัน ความไว้ใจ ซึ่งกันและกัน คงสลายไป....

คงไม่มีข้อสรุปใด ดีไปกว่า "อย่าโกหก" บนเส้นทางที่จะเดินเคียงคู่กันไป...

วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ความสุขที่หายไป..ตามกลับคืนได้หรือยัง

หากรู้จักมองชีวิตให้ครบทุกด้าน กาลเวลาที่เราสมมุติว่าเป็นอดีตหรือปัจจุบัน ย่อมเป็นครูสอนชีวิตให้มีคุณค่าและสามารถฟ้องอนาคตข้างหน้าว่า จะเป็นเช่นไรได้ด้วยภาวะที่ลงตัว


คนเรามักมีภาพของความรู้สึกดีๆ ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของตัวเองเสมอ อาจเป็นความรู้สึกพึงใจที่เล็กๆ กระทั่งเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่เคยสัมผัส แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานเพียงใด แต่ความทรงจำนั้นก็ไม่มีวันเลือนหายไปจากใจซึ่งถูกเก็บไว้ในอดีตของวันวาน

ทว่าอดีตก็เป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดีหรือร้ายเพียง ใด ก็ชื่อว่าเป็นประสบการณ์ที่ชีวิตได้ล่วงเลยผ่านมา แต่คนเรากลับชอบที่จะรื้อฟื้นความทรงจำเหล่านั้นเสมอ จึงเกิดภาพซ้อนที่ทำให้ติดอยู่ในความทรงจำทั้งเรื่องที่ดีและร้ายคละเคล้ากันเรื่อยมา

บ้างก็คิดถึงสิ่งที่ทำให้ตัวเองรู้สึกดี บ้างก็จมอยู่กับความหมองเศร้าที่ไม่รู้ว่าจะให้สลายไปจากใจได้อย่างไร อดีตจึงมีอิทธิพลสำหรับคนที่รู้เท่าไม่ทัน ทำให้เจ้าของชีวิตต้องจมอยู่กับความรู้สึกนั้น

แต่ปราชญ์ทั้งหลายกลับเชิญชวนให้คนเราหันกลับมาทำความเข้าชีวิตในปัจจุบันเป็นหลัก เพื่อให้มีเวลาทำความรู้จักกับความจริงที่มี และเข้าใจภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรู้เท่าทัน โดยไม่ยึดติดกับภาพเดิมๆที่มีอยู่อีกต่อไป เพราะอดีตเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ส่วนอนาคตก็เป็นภาวะที่ไปยังไม่ถึง ทุกความคิดและการกระทำจึงควรยุติอยู่ที่ปัจจุบันเป็นสำคัญ

แต่ใช่ว่าความทรงจำที่ผ่านมาจะเลวร้ายเสียทีเดียว เพราะถ้ารู้จักใช้อดีตที่ผ่านมาเป็นครูสอนชีวิตให้ฉลาดขึ้น อดีตนั้นก็สามารถก่อเป็นความงามได้เช่นกัน เพราะเมื่อไม่สามารถลบล้างอดีตได้ เราก็ควรเรียนรู้ชีวิตผ่านอดีตนั้น โดยใช้เป็นอุปกรณ์ในการสอนปัจจุบันที่ประสบอยู่แต่ละขณะให้ดีขึ้น เป็นการใช้ปัจจุบันเป็นตัวการแก้ไขข้อบกพร่องในวันวานที่ผ่านมา เพื่อให้ความทรงจำเหล่านั้นมีชีวิตจริงขึ้นมาได้

ถ้าอดีตที่ผ่านมาเป็นความทรงจำที่เลวร้าย อาจจะเกิดจากความคิดและการกระทำที่ไม่เป็นดังใจหวัง เราก็ใช้ปัจจุบันที่มีแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดให้เป็นความถูกต้อง

หากเป็นอดีตที่ดีงามในความทรงจำ ทุกอย่างที่ผ่านมาช่างก่อ ให้เกิดคุณค่าต่อชีวีที่มีอยู่ ก็ให้เอาอดีตเหล่านั้นมาสอนปัจจุบันให้รู้จักต่อยอดสิ่งที่ดีนั้นไว้ มิใช่ทิ้งขว้างให้จากไปโดยไม่รู้จักใส่ใจ

เพราะหลายครั้งจะเห็นได้ว่าคนเราเวลาทำอะไรในปัจจุบันที่ขาดหลัก และหลงลืมอดีตที่ดีงามของตน สุดท้ายเส้นทางสายใหม่ที่คิดว่าจะไฉไลกว่าเดิม ก็เต็มไปด้วยขวากหนามที่คอยทิ่มแทงให้เจ็บตัวอยู่เรื่อยมา

" ความสุขที่หายไปในชีวิตเมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมา

เราตามเก็บรายละเอียดเหล่านั้นคืนได้หรือยังในปัจจุบัน ?..."

ดังนั้น เมื่อปรารถนาให้ความสุขกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เราจึงต้องเรียนรู้การตามเก็บความสุขด้วยความเข้าใจ ใส่ใจในรายละเอียดเพิ่มมากขึ้น และเรียนรู้ที่จะมองความสุขให้รอบด้านด้วยปัญญาที่มาจากความเข้าใจ

เพราะหากรู้จักมองชีวิตให้ครบทุกด้าน กาลเวลาที่เราสมมุติว่าเป็นอดีตหรือปัจจุบันย่อมเป็นครูสอนชีวิตให้มีคุณค่า และฟ้องอนาคตข้างหน้าว่าจะเป็นเช่นไรได้ด้วยภาวะที่ลงตัว

อดีตที่เลวร้ายหากไม่ได้รับการแก้ไข ย่อมฟ้องปัจจุบันว่าจะประสบกับความหมองเศร้าทวีคูณ
ปัจจุบันที่ไร้ค่า ย่อมฟ้องความไร้ค่าในอนาคตเช่นกัน
อดีตที่สวยงามย่อมต่อยอดเป็นความดีได้ในปัจจุบัน
ปัจจุบันที่เปี่ยมด้วยคุณค่าแห่งชีวี ย่อมเป็นอาภรณ์ฟ้องอนาคตที่จะพึงมีให้งดงามตลอดไป

ด้วยเหตุนี้แม้กาลเวลาจะดำรงอยู่บนความไม่แน่นอนของชีวิตเพียงใด แต่เราก็สามารถที่จะเลือกได้ว่า ...

จะให้ชีวิตที่ผ่านมาเป็นครูสอนอะไร ?
จะทำปัจจุบันที่มีอยู่ส่งต่อไปสู่อนาคตอย่างไร ?
ความสุขที่หายไปจึงจะกลับคืนมาสู่ชีวิตของเราด้วยความลงตัว...*



"You can't change the past but you can change the future into a better past!!!"

"คุณไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนอดีตได้

แต่สิ่งที่คุณสามารถเปลี่ยนได้คืออนาคตเพื่อที่จะเป็นอดีตที่ดีกว่า"


วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เมื่อพบจุดจบ...จึงเห็นจุดเริ่มต้น



หลายต่อหลายคน...
ที่มักประสบกับปัญหาชีวิตเหล่านี้...
>>>…เคยท้อ
>>>…เคยผิดหวัง
>>>…เคยเศร้า
>>>…เคยร้องไห้...เสียน้ำตา...
>>>…เคยเป็นทุกข์...อยากจบชีวิต..ด้วยวิธีการต่าง ๆ..



แต่คุณทราบหรือไม่ว่า...
เมื่อพบจุดจบ...จะทำให้เราเห็นจุดเริ่มต้นในชีวิตที่ดีกว่า...
ถ้าเราได้พิจารณาอย่างมีสติ...
>>>…หยุดคิดสักนิด...
>>>…เพื่อให้เวลากับสติ....
>>>…ได้พิจารณาความเป็นไปของชีวิต...
>>>…และได้อยู่กับตนเอง...



หลายต่อหลายครั้ง...
>>>…ที่เรามักมองข้ามจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของชีวิต...
หลายต่อหลายครั้ง...
>>>…ที่เราปล่อยให้วัน เวลา และโอกาสผ่านไป...
>>>…โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย...
นอกจาก...
>>>…เป็นทุกข์กับสิ่งที่ผิดหวัง..
>>>…ท้อแท้กับสิ่งที่ทำผิดพลาด...
>>>…และเสียใจ...เป็นทุกข์...กับการกระทำของตนเอง...



จุดเริ่มต้นของชีวิต..
เราจะค้นพบก็ต่อเมื่อ...>>…เราเจอจุดจบของปัญหา...

เมื่อเจอปัญหา...
เมื่อเจออุปสรรค...
>>>…เชื่อหรือไม่ว่า...
>>>…เรากำลังจะพบทางออกของชีวิต..
>>>…และพบทางออกของปัญหา...



เพียงแค่...
>>>…เราหยุดมองต้นตอของปัญหาสักนิด..
>>>…อย่าที่จะเอาตัวของตัวเราเอง...ไปอยู่... “ในปัญหา”...
>>>…จงหยุดและแยกตัวออกมาจากปัญหา...
>>>…และทำตัวของเรา..
>>>…เป็นเพียงแต่ผู้ดู...ผู้อยู่...และรู้อย่างเข้าใจ...



วิธีง่าย ๆ เมื่อเจอปัญหา คือ..
>>>…จงหยุด..เพื่อเริ่มต้น...
>>>…และเรียนรู้ที่จะใช้สติแก้ปัญหาอย่างเข้าใจ...



ทุกครั้งที่เจอปัญหา...
>>>…อย่าที่จะพยายามกระโดดข้ามปัญหานั้น..
>>>…เพราะปัญหามีไว้ให้แก้...ไม่ใช่มีไว้ให้หนี...
>>>…เพราะยิ่งหนี...ยิ่งเจอ..และยิ่งทุกข์...
>>>…แต่จงเปลี่ยนตัวปัญหา...เป็น....ตัวปัญญา...
>>>…โดยใช้สติ...หยุดคิดสักนิด...ด้วยสติพิจารณา..

ขอบคุณบทความจาก ธรรมไทย

วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ความรักที่มันใกล้ .. จนน่ากลัว


ความรักที่มันใกล้ .. จนน่ากลัวมีสอง แบบ


แบบแรก - - ความสงสาร

อาจ ทำให้เกิดความรักได้แต่ความสงสารไม่สามารถหล่อเลี้ยงความรักได้ทั้งหมดความรัก ของแต่ละคน ก็ย่อม แต่ละรูปแบบ แต่ท้ายที่สุด แต่ละคน แต่ละรูปแบบ แต่ก็คล้ายกันคบกัน เหตุเพราะ ความสงสาร มากกว่า ความรัก ความผูกพัน ซึ่งกันและกัน สิ่งเหล่านั้น ก็ไม่ต่างจาก การเหนี่ยว ดึง รั้ง, คนที่เรารักเอาไว้จะเหนี่ยว จะดึง จะรั้ง คนของความรักได้อีกนานเท่าไร .. คุ้มค่า กับ ความเจ็บปวด งั้นรึ ??


แบบสอง - - แอบชอบคนมีเจ้าของ

จนยอมเป็น รักรอง..รองจากที่หนึ่งไม่เกิดกับตัวคงไม่มีใครเข้าใจลึกซึ้ง คล้ายกับ รู้เขาหลอกก็เต็มใจให้หลอกจะทำยังไงได้เล่า ..ก็ รัก ไปแล้ว(อาจจะ)ยากเกินกว่า ถอนตัว ถอนใจความรักบน ความเจ็บปวด ความทุกข์ ความระทมทั้งที่หนึ่ง สอง และสามจะเหนี่ยว จะดึง จะรั้ง คนของความรักได้อีกนานเท่าไร .. คุ้มค่า กับ ความเจ็บปวด งั้นรึ ??


แม้นความรักจะอยู่รอบตัว .. มีสิทธิที่จะเลือก มีสิทธิที่จะปฏิเสธ


แต่ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก- ยากที่จะหักห้ามใจ


*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*


ความรักทั้ง สอง แบบ ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่มันก็ใกล้


กระทั่งบางครั้งเราก็รับรู้ รู้สึกได้ กับสิ่งที่เกิด และ เปลี่ยนแปลง

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552